วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ในความทรงจำของคำว่า"เพื่อน"




..ความคิดเกี่ยวกับเพื่อนในแต่ละระดับ..
ความคิดสมัย ป.1เพื่อนที่ดีคือคนที่ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนคุณ แล้วก็จับมือคุณระหว่างเดินผ่านห้องโถงที่น่ากลัว
ความคิดสมัย ป.2เพื่อนที่ดีคือคนที่ทำให้คุณเข้าเรียนคลาสที่ไม่อยากเรียน (มั้ง)
ความคิดสมัย ป.3เพื่อนที่ดีคือคนที่แบ่งอาหารกลางวันให้คุณ เมื่อคุณลืมกล่องข้าวไว้ที่บ้าน ==?
ความคิดสมัย ป.4เพื่อนที่ดีคือคนที่ยอมเปลี่ยนคู่เต้นในวิชาลีลาศเมื่อคุณไม่อยากจับคู่เต้นอยู่กับนิกจอมลามกหรือเอ็มกลิ่นแรง
ความคิดสมัยป.5เพื่อนที่ดีคือคนที่เผื่อที่นั่งให้คุณเมื่อถึงมื้อเที่ยง
ความคิดสมัย ป.6เพื่อนที่ดีคือคนที่พาคุณไปหาคนที่คุณตกหลุมรัก เพื่อขอให้เค้ามาเต้นรำกับคุณ เผื่อว่าเค้าปฏิเสธคุณจะได้ไม่ต้องอายไง
ความคิดสมัย ม.1เพื่อนที่ดีคือคนที่ให้คุณลอกรายงานสังคม
ความคิดสมัย ม.2เพื่อนที่ดีคือคนที่ช่วยคุณทำรายงานกลุ่มและไม่เคยนินทาคุณลับหลัง
ความคิดสมัย ม.3เพื่อนที่ดีคือคนที่เปนที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้คุณและอินกับคุณในทุกๆอารมณ์
ความคิดสมัยม.4 คือคนที่ยอมเปลี่ยนวิชาเรียนเพื่อที่คุณจะได้มีเพื่อนนั่งกินข้าว
ความคิดสมัย ม.5เพื่อนที่ดีคือคนที่ยอมให้คุณขับรถใหม่ของเค้าช่วยคุยกะพ่อแม่ของคุณเวลาคุณมีปัญหา แล้วก็คอยปลอบคุณตอนที่คุณเลิกกับแฟน
ความคิดตอน ม.6เพื่อนที่ดีคือคนที่ช่วยคุณเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเข้าแถมยังช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ยอมให้คุณไปเรียนมหาลัยนั้นอีกด้วยในงานจบการศึกษา เพื่อนที่ดีของคุณ คือคนที่ร้องไห้เงียบๆ ในใจแล้วก็แบ่งปันรอยยิ้มกว้างๆ ให้คุณ
หน้าร้อนหลังจบ ม.6เพื่อนที่ดีคือคนที่ช่วยคุณล้างขวดหลังงานปาร์ตี้ช่วยคุณแอบย่องออกจากบ้านอนที่คุณตกลงกับพ่อแม่ไม่ได้ทำให้คุณกับแฟนกลับมาคบกันอีกช่วยคุณเก็บของเพื่อย้ายไปมหาลัย แล้วก็กอดคุณอย่างเงียบๆ มองคุณด้วยแววตาที่ขุ่นมัวพร้อมกับความทรงจำ18 ปีที่ผ่านมา...... ให้กำลังใจคุณในทางที่คุณเลือกเดินเหมือน 18ปีที่ผ่านมาและตอนนี้ เพื่อนที่ดี .... ยังคงเป็นคนที่ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ จับมือของคุณเมื่อคุณกลัวช่วยคุณต่อสู้กับสิ่งที่พยายามเอาเปรียบคุณคิดถึงคุณตลอดเวลาที่คุณไม่อยู่ เตือนคุณในสิ่งที่คุณลืม ช่วยคุณผ่านอดีตแต่ก็เข้าใจเมื่อคุณอยากอยู่กับอดีตอีกซักนิดอยู่กับคุณเพื่อให้คุณมีความมั่นใจ หรือไปไกลๆ คุณซักพักเพื่อให้คุณได้มีเวลากับตัวเอง ช่วยคุณแก้ไขความผิดพลาดช่วยคุณจัดการกับความกดดันทั้งหลายยิ้มให้คุณเมื่อยามคุณเศร้าช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น


จำได้ป่าว?..ครั้งหนึ่งเราเคยไปเที่ยวด้วยกันมา....



วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ภาพลักษณ์ผู้หญิงในเนื้อเพลงไทยสากลของปาน ธนพร แวกประยูร

บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษากลวิธีการใช้ภาษา เนื้อหาและแนวคิดที่สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่ปรากฏในเนื้อเพลงไทยสากลของ ปาน ธนพร แวกประยูร ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องเดี่ยว ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๓ - พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๙๐ เพลง ผลการศึกษาพบว่าเพลงไทยสากลของปาน ธนพร แวกประยูร ปรากฏกลวิธีการใช้ภาษาที่สะท้อนภาพลักษณ์ผู้หญิง ดังนี้ กลวิธีการใช้ภาษาบอกเล่า กลวิธีการใช้ภาษาเชิงคำสั่ง กลวิธีการใช้ภาษาเชิงขอร้อง กลวิธีการใช้ภาษาบริภาษ กลวิธีการใช้ภาษาเชิงเสียดสี ประชดประชัน กลวิธีการใช้ภาษาเปรียบเทียบ กลวิธีการใช้ภาษาสัญลักษณ์ และกลวิธีการใช้ภาษาแบบคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพื่อต้องการบอกกล่าวถึงความรู้สึก นึกคิดของผู้หญิงให้ผู้อื่นได้รับรู้ ส่วนเนื้อหาและแนวคิดที่สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้หญิง พบว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ที่มีทั้งสมหวัง ไม่สมหวัง เสียสละ และเนื้อหาที่เกี่ยวกับอุปนิสัยใจคอของผู้หญิง ซึ่งทำให้พบแนวคิดที่เกี่ยวกับความรัก การไว้ใจคนใกล้ชิด แนวทางการดำเนินชีวิตและแนวคิดเกี่ยวกับคุณค่าของตนเอง โดยจะเห็นถึงลักษณะของผู้หญิงในด้านต่างๆได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านอุปนิสัย ใจคอ ด้านการกระทำที่เป็นการแสดงถึงความรัก ความหวงแหนของรัก ด้านการเรียกร้องสิทธิ ความยุติธรรม ความเสมอภาคของผู้หญิงในยุคสมัยใหม่



วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

รู้จักที่จะรัก



..ถ้ารู้จักรัก..


สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเรา...ก้อคือชีวิตเรา สิ่งที่มีค่าที่สุดในหัวใจเรา...ก้อคือหัวใจเราอย่าเอาชีวิตทั้งชีวิตไปยกให้ใคร อย่าเอาใจทั้งใจไปยกให้ใครคนเดียว อย่ายกสิ่งที่มีค่าที่สุดของเราไปให้ใครดูแล เพราะไม่มีใคร...ที่จะดูแลมันได้ดีไปกว่าตัวเราเองอย่าปิดกั้นความรู้สึกของหัวใจอย่าบอกว่าเราเกิดมาเพื่อจะรักคน ๆ เดียว คนใจแคบเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อที่จะรักคนได้คนเดียว เราสามารถที่จะรักใครได้มากมาย ขอเพียงให้รู้จักหน้าที่ของความรัก หน้าที่ที่จะปฏิบัติต่อคนที่เรารักรักต่างแบบ...ปฏิบัติในหน้าที่ต่างกัน แล้วเมื่อวันใดวันหนึ่งคนบางคนไม่แยแสกับความรักที่เรามีให้ เราก็ยังคงเหลือใครต่อใครอีกมากมายและไม่เห็นจะต้องเจ็บเจียนตาย ถ้าเรามั่นใจ...ว่าเราทำหน้าที่ให้กับรักนั้นสมบูรณ์และเต็มที่แล้ว ถ้าอากาศร้อนอบอ้าว...ลองออกมายืนคุยกับแสงแดดอากาศหนาวแทบขาดใจ...ลองออกมาหาไออุ่นลมหนาวเราจะรู้ว่าร้อนหรือหนาวก็ต่อเมื่อเราได้ไปสัมผัสกับมัน ก็เหมือนกับความรัก .... ถ้าอยากรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไรก็ต้องไปสัมผัสกับมัน แต่อย่าทรมานตัวเองโดยการออกไปยืนตากแดดนาน ๆ หรือยืนต้านทานลมหนาว ถ้ารู้ว่าร้อนนักก็หลบหาที่ร่ม ถ้ารู้ว่าหนาวก็ก่อเตาผิง ^_^ความรักจะไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราไม่ทำร้ายตัวเอง^_^...ถ้าคุณรู้จักรัก..แสงแดดจะทำให้คุณอบอุ่น ลมหนาวก็จะทำให้คุณหลับสบาย... (แล้วเพื่อนๆล่ะค่ะ รู้จักที่จะรักหรือเปล่า?)


วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551

"เพื่อน"

" เพื่อน คือ.......? "

เพื่อน คือ คนที่รักคุณ

เพื่อน คือ คนที่หวังดีกับคุณ
เพื่อน คือ คนที่อยากห็นคุณมีความสุข
เพื่อน คือ คนที่จะอยู่กับคุณเมื่อคุณต้องการ
เพื่อน คือ คนที่ห่วงใยคุณ
เพื่อน คือ คนที่ไม่เคยคิดแข่งกับคุณ
เพื่อน คือ คนที่จริงใจกับคุณ
เพื่อน คือ คนที่เห็นคุณค่าของคุณ
เพื่อน คือ คนที่เห็นความสำคัญของคุณ


และอยากบอกเพื่อนว่า....


" เพื่อน...ข้ารักเอ็งว่ะ "

เพื่อนไม่เคยสมน้ำหน้า

มีแต่บอกว่าให้เริ่มใหม่
เพื่อนทุกคนคือกำลังใจ
ฉันจึงไม่เคยกลัวสิ่งใดถ้ามีเพื่อน
........................








วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แม่คือใคร....ในชีวิตเรา?.....


แม่คือใคร...ในชีวิตเรา?...

"แม่"คือ นักรักบริสุทธิ์ ผู้เป็นต้นแบบแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไข แม่คือ ครูคนแรก ที่สอนเราถึงวิธีการดำเนินชีวิตในโลกนี้ ผู้สอนเราให้รู้จักแยกแยะระหว่าง "ความดี" กับ "ความเลว" "ความเหมาะสม" กับ "ความไม่เหมาะสม" "ประโยชน์" กับ "โทษ" ของสิ่งต่างๆ แม่คือ นายกรัฐมนตรี ผู้ตระเตรียมความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนแม่ คือ เกษตรกร ที่ลงแรงหว่านเมล็ดพันธุ์ เฝ้าพรวนดินรดน้ำและอดทนรอคอยการเกิดผลที่งอกงาม เป็นผู้ที่ดูแล เลี้ยงดู ฟูมฟัก นับตั้งแต่เราลืมตาดูโลกจนเติบโตขึ้นและพึ่งพาตนเองได้แม่คือ จิตรกร ผู้แต่งแต้มสีสันชีวิตอนาคตของเราแม่คือ นักสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ทำให้ความฝันใฝ่ของเราเป็นความจริงแม่คือ นักประชาสัมพันธ์ ที่ชอบเชิดชูความสามารถของเราทำให้เรากล้าแสดงออกและพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนอยู่อย่างเต็มที่แม่คือทหาร ผู้ทำหน้าที่ปกป้องภยันตรายให้เรา ตั้งแต่เราอยู่ในครรภ์ช่วยตัวเองไม่ได้จนกระทั่งเติบใหญ่สมบูรณ์และแข็งแรงแม่คือ นางพยาบาล ที่คอยเฝ้าไข้ ดูแลรักษา ยามเราเจ็บไข้ได้ป่วยแม่คือ นักบุญ ที่พร้อมเสียสละความสุขส่วนตัว โดยไม่คำนึงว่าตนต้องเสียประโยชน์เพียงใดแม่คือ ผู้ใช้แรงงาน ที่ทำงานหนักที่สุด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ ไม่มีวันหยุดแม่คือ นักรบ ผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค แต่ฝ่าฟันที่จะทำทุกสิ่งเพื่อชัยชนะในชีวิตของเราแม่คือ ผู้จัดการ ผู้แบ่งงานให้เราทำ ทำให้เรารู้จักคำว่า หน้าที่ และความรับผิดชอบแม่คือ ผู้พิพากษา ผู้ตัดสินคดีเวลาเราทะเลาะกับพี่น้องแม่คือ ที่ปรึกษาส่วนตัว ผู้ให้คำปรึกษาในเรื่องที่สำคัญ ทั้งทางกายภาพและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่กิดขึ้นตามวัยของเรา การเลือกคบเพื่อน การเลือกคู่ครอง การประกอบอาชีพแม่คือ เพื่อน ผู้ให้กำลังใจ ให้ความรัก ความอบอุ่น ให้คำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆแม่คือ มัคคุเทศน์ ผู้นำเราท่องเที่ยวเรียนรู้ในโลกกว้างแม่คือ นักปรัชญา ผู้สอนให้เรารู้จัก "คุณค่าของชีวิต"แม่คือ กระจกเงา ผู้ที่ทำให้คำกล่าวที่ว่า "ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น" เป็นจริง แม่มีอิทธิพลในการกำหนดท่าที ความคิด บุคลิก ลักษณะของเรา ทำให้เรามีเอกลักษณ์ต่างจากคนอื่น

แม่หรือว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วให้กำเนิดลูก และลูกก็จะเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่โดยทั่วไปแล้วแต่ละภาษามักจะใช้อักษร "ม" เหมือนกันหมดเช่น
คนไทย จะเรียกผู้ที่ให้กำเนิดว่า "แม่"
ภาษาอังกฤษ จะเรียกผู้ที่ให้กำเนิดว่า "มาเธอร์ (Mother)"
ภาษาสันสกฤต จะเรียกผู้ให้กำเนิดว่า "มารดา"
ภาษาบาลี จะเรียกผู้ให้กำเนิดว่า "มาตา"
คนจีน จะเรียกผู้ให้กำเนิดว่า "ม่าม๊า"
คนแขก จะเรียกผู้ให้กำเนิดว่า "มามี๊"
คนฝรั่งเศส จะเรียกผู้ให้กำเนิดว่า "มามอง"
คนญี่ปุ่น จะเรียกผู้ให้กำเนิดว่า "โอกาซัง"


" แด่..คุณแม่ "
มีน้ำใจมีไออุ่นให้หนุนตัก

มีความรักความห่วงใยไว้คลายเหงา

มีน้ำคำพร่ำสอนอาทรเรา

มีวิธีขัดเกลาเฝ้าใส่ใจ

สอนให้รู้สูงต่ำทำผิดถูก

สอนให้ปลูกเพาะวิชาไว้อาศัย

สอนให้รู้คุณค่าเงินตราไทย

สอนให้รู้จักให้เอื้ออารี

มากกว่านี้มากมีในคำสอน

มากมายพรความห่วงใยไม่หน่ายหนี

มากอภัยมากเมตตามากปราณี

ทั้งหมดนี้คือแม่แต่ผู้เดียว


คนเป็นครูควรอ่าน

จรรยาบรรณของครู


1.ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริม
ให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหน้า
2.ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัย ที่ถูกต้องดีงาม ให้เกิดแก่ศิษย์ อย่างเต็มความสามารถ
ด้วยความบริสุทธิ์ใจ


3.ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ
4.ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์
5.ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ใช้ให้ศิษย์
กระทำการใด ๆ อันเป็นการหาผลประโยชน์ ให้แก่ตนโดยมิชอบ
6.ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งทางด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทาง วิทยาการ เศรษฐกิจสังคม
และการเมืองอยู่เสมอ
7.ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครูและเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรวิชาชีพครู
8.ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์
9.ครูพึงประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญา และวัฒนธรรมไทย